Apple NameDrop บน iOS 17 แทนที่นามบัตรดิจิทัล Vibecards ได้หรือไม่?

วันนี้เราจะมาดูฟีเจอร์ NameDrop ล่าสุดของ iOS 17 ของ Apple และเปรียบเทียบ NameDrop กับ Vicecards ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในการประชุม WWDC Apple ได้ประกาศเปิดตัวอัปเดต iOS 17 ที่ผู้ใช้ทุกคนรอคอย แม้ว่าการเปิดตัว Apple Vision Pro จะได้รับความสนใจอย่างมาก และการอัปเกรดระบบ iOS ใน iOS 17 ก็ได้รับความสนใจเช่นกัน ด้วยการอัปเดตมากมายสําหรับฟังก์ชัน ข้อความ โทรศัพท์ FaceTime และ FaceTime บน Apple TV พร้อมกล้องต่อเนื่อง, Autocorrect ที่ได้รับการปรับปรุง, Standby mode, Interactive widgets, Mood tracking และการบันทึกรายการ, AirTags ที่แชร์และ AirPods ทําให้ iOS 17 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

abcNEWS/Images

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นอีกอย่างของ iOS 17 คือ NameDrop ที่เพิ่มเข้ามาในระบบ ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อมูลติดต่อระหว่าง iPhone สองเครื่องเมื่ออยู่ใกล้กัน โดย NameDrop จะทำการแลกเปลี่ยนรายละเอียดการติดต่อโดยไม่ต้องใช้บลูทูธเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า และผู้ใช้สามารถเลือกที่จะแชร์หรือรับรายละเอียดการติดต่อได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างภาพด้วยใบหน้าหรือ Memoji และเพิ่มชื่อด้วยตัวอักษรและสีผสมกัน ซึ่งจะปรากฏในบัตรรายชื่อและขึ้นหน้าจอ iPhone ของเพื่อนทุกครั้งที่มีการโทรเข้ามา

iphoneincanada/Images

และเมื่อมีฟีเจอร์ Namedrop ที่สามารถแบ่งปันข้อมูลให้ผู้อื่นได้คล้ายคลึงกันกับนามบัตรดิจิทัล Vibecards จึงเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ เกี่ยวกับระบบการแบ่งปันข้อมูลแบบไร้สาย Vibecards ใช้ประโยชน์จากระบบการทำงานของ NFC บนการ์ดและสมาร์ทโฟน ด้วยการแตะและแบ่งปันข้อมูลแบบดิจิทัล ช่วยให้คุณสามารถแบ่งปันข้อมูลทั้งหมดของคุณ รวมถึงรายละเอียดการติดต่อ, เว็บไซต์, ลิงก์โซเชียลต่างๆ, รูปภาพ, วิดีโอ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, ข้อมูลบริษัท, เมนูอิเล็กทรอนิกส์, ลิ้งค์ไฟล์ PDF, และอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะที่ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น Phonebook, On behalf , จัดการผู้ติดต่อ, เครื่องสแกนนามบัตร, การวิเคราะห์ทีม และอื่นๆ อีกมากมาย

ความแตกต่างของการแบ่งบันข้อมูลระหว่าง Namedrop และ Vibecards

1. ข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้ NameDrop

สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดอย่างหนึ่งของ NameDrop คือมันเข้ากันได้กับอุปกรณ์ iOS บนเครื่องรุ่นใหม่เท่านั้น หมายความว่าคุณสามารถแชร์กับ iPhone หรือ Apple Watch เครื่องอื่นได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบกับผู้คนที่ใช้ iPhone รุ่นเก่า หรือ สมาร์ทโฟนระบบ Android เทคโนโลยีนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป นี่เป็นปัญหาใหญ่เมื่อนำมาพิจารณาว่า 71.63% ของประชากรโลกทั้งหมดใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android

2. ความสามารถในการแบ่งปันมีจำกัด

เมื่อพูดถึงการแบ่งปันข้อมูลของ Vibecards ที่ชัดเจนนั้นอยู่เหนือ NameDrop เป็นอย่างมาก NameDrop จะช่วยให้คุณสามารถแบ่งปันรายละเอียดการติดต่อขั้นพื้นฐาน แต่ปัจจุบันผู้คนต้องการความสามารถในการแชร์รายละเอียดข้อมูลติดต่อทั้งหมดของตนมากกว่ารูปภาพและเบอร์โทรศัทพ์ สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการแบ่งบันข้อมูลติดต่อทางธุรกิจที่ครอบคลุม กราฟิกด้านล่างจะแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการแบ่งปัน NameDrops ด้อยกว่าเพียงใด

Vibecards

NameDrop

ข้อมูลติดต่อ

รูปภาพ

วิดีโอ

ข้อมูลองค์กร

การสร้างแบรนด์

ลิ้งค์ URL

ที่อยู่และแผนที่

โซเชียลมีเดียทั้งหมด

3. ความประทับใจแรกพบคือทุกสิ่ง

มีเหตุผลว่าทำไมนามบัตรธรรมดาๆ จึงมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ความประทับใจแรกคือทุกสิ่งทุกอย่าง นามบัตรเป็นส่วนเสริมของคุณและธุรกิจของคุณ เป็นการแบ่งปันข้อมูลของคุณและเป็นโอกาสให้คุณขายตัวเอง โปรไฟล์ส่วนตัว หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล และรายละเอียดต่างๆที่แนบมาสามารถสร้างความประทับใจกับผู้ติดต่อเมื่อแรกพบได้

gogoprint/Images

การแชร์ข้อมูลติดต่อผ่านนามบัตรเป็นสิ่งที่ผู้คนใช้กันมาอย่างยาวนานและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากยุคที่การแชร์ข้อมูลบนนามบัตรดิจิทัลเคยเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือมาก่อน แต่เมื่อผู้บริโภคเริ่มเข้าใจและเห็นคุณค่าในการแชร์ข้อมูลทางดิจิทัลแนวคิดก็เปลี่ยนไป และในปัจจุบัน Apple กำลังเปิดตัวฟีเจอร์ที่จะทำให้การแชร์ข้อมูลทางดิจิทัลเป็นเรื่องที่สนุกและน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ iPhone 1.36 พันล้านคน ซึ่งจะเพิ่มความสนใจในการแชร์ที่ไร้สัมผัสมากขึ้น

การเปรียบเทียบระหว่าง namedrop และ Vibecards จึงชี้ให้เห็นว่าทั้งสองเครื่องมือนั้นมีความสำคัญและการใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์และสถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดย Vibecards เน้นการแชร์ข้อมูลทางธุรกิจอย่างรวดเร็วและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการทำงาน และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย ในขณะที่ namedrop มุ่งเน้นการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวเช่นเบอร์โทรศัพท์ และรูปภาพ ระหว่างผู้ใช้ iOS ด้วยกัน ซึ่งทั้งสองเครื่องมือไม่สามารถนำมาแทนที่กันได้ เนื่องจากมีลักษณะการใช้งานและประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนตามความต้องการของผู้ใช้และวัตถุประสงค์ของธุรกิจที่แตกต่างกัน